แนวทางการรับวัคซีนโมเดอร์นา (อัพเดท 21 มี.ค. 2565)
โรงพยาบาลพิษณุเวช อุตรดิตถ์ หนึ่งในเครือของโรงพยาบาลพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ มีความห่วงใยในสุขภาพของท่าน และลูกหลานในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงได้มีการเปิดจองวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา (Moderna) ล็อตแรก ซึ่งเป็น Generation 1 จัดสรรโดยสมาคมโรงพยาบาลเอกชนผ่านองค์การเภสัชกรรม
วัคซีนโมเดอร์นาเป็นวัคซีนชนิด mRNA โดยการใช้สารพันธูกรรมของเชื้อโควิด-19 เมื่อฉีดวัคซีนเข้าสู่ร่างกาย เสมือนการจำลองว่าไวรัสเข้ามาในร่างกายโดยไม่มีการติดเชื้อ ทำให้ร่างกายสร้างโปรตีนที่สามารถกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันโรคขึ้นมา
แนวทางการรับวัคซีนเข็มกระตุ้น (เข็มที่ 3 และเข็มที่ 4)

ข้อมูลวัคซีนโมเดอร์นา (Moderna) สำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป (ภายหลังการฉีดไปแล้ว 14 วัน)
- ป้องกันและลดความรุนแรงจากการติดเชื้อโควิด-19 ได้ 94.1%
- ป้องกันและลดความรุ่นแรงจากการติดเชื้อโควิด-19 ได้ 86% ในผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
- ลดการรักษาตัวในโรงพยาบาลได้ 96% ในผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
- อาการที่อาจพบหลังฉีดวัคซีน ได้แก่ หนาวสั่น ปวดศีรษะ เหนื่อยล้า ปวด มีรอยแดงและบวมบริเวณที่ฉีด ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว อาการเหล่านี้จะหายได้ภายใน 1-2 วันหลังฉีด
ข้อมูลวัคซีนโมเดอร์นา สำหรับเด็กอายุ 12-17 ปี (จดทะเบียนยาโดยใช้ชื่อการค้า Spikevax)
- ป้องกันและลดความรุนแรงจากการ์ติดเชื้อโควิด-19 ได้ 93% หลังจากฉีดเข็มแรก และ 100% หลังจากฉีดเข็มที่ 2 (ภายหลังการฉีดไปแล้ว 14 วัน)
- อาการที่อาจพบหลังฉีดวัคซีน ได้แก่ ปวดและบวมบริเวณที่ฉีด อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อและข้อ ต่อมน้ำเหลืองโต หนาวสั่น คลื่นส้ อาเจียน และมีไข้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว อาการเหล่านี้มักไม่รุนแรง และจะหายได้ภายใน 2-3 วันหลังฉีด
- องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicines Agency : EMA ได้อนุมัติให้ฉีดวัคซีนโมเดอร์นาในเด็กอายุ12-17 ปีแล้ว
- สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย,) ของทยนุมัติใช้วัคซีนโมเดอร์นาเป็นกรณีฉุกเฉินในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 12-17 ปี ในชื่อการค้าว่า Spikevax
ข้อมูลวัคซีนโมเดอร์นา สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี
- ขณะนี้องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (US-FDA) ได้ขยายขอบเขตการทดลองใช้วัคซีนโมเดอร์นาไปยังเด็กอายุ 5-11 ปีแล้ว
- ปัจจุบัน (ณ 12 ต.ค. 64) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทยยังไม่ได้รับรองจึงยังไม่สามารถให้บริการวัคซีนสำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปีบริบูรณ์ได้
ข้อมูลจากผู้ผลิตวัคซีนโมเดอร์นา และผลการวิจัยต่าง ๆ ยืนยันว่า วัคซีนโมเดอร์นา Generation 1 มีประสิทธิภาพสูง ในการรับมือกับเชื้อโควิด-19 ทุกสายพันธุ์ รวมถึงสายพันธุ์เดลต้า
ข้อแนะนำในการฉีดวัคซีน (สำหรับผู้ที่อายุ 18 ปีขึ้นไป)
- กรณียังไม่เคยฉีดวัคนใด ๆ สามารถฉีดวัคซีนโมเดอร์นาได้ทันที จำนวน 2 เข็ม โดยเว้นระยะห่างประมาณ 28-42 วัน
- กรณีเคยติดเชื้อและยังไม่เคยฉีดวัคซีนใด ( แนะนำให้ฉีดวัคซีนโมเดอร์นา 1 เข็ม โดยเว้นระยะห่าง 30 วันขึ้นไป หลังจากวันที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19
- กรณีฉีด Sinovac หรือ Sinopharm 1 เข็ม แนะนำให้ฉีดวัคซีนโมเดอร์นา 1 เข็ม โดยเว้นระยะห่าง 28-42 วัน
- กรณีฉีด AstraZeneca 1 เข็ม แนะนำให้ฉีดวัคซีนมเดอร์นา 1 เข็ม โดยเว้นระยะห่าง 1-3 เดือน
- กรณีฉีด Pfizer 1 เข็มแนะนำให้ฉีดวัคซีนมเดอร์นา 1 เข็ม โดยเว้นระยะห่าง 3-6 สัปดาห์
- กรณีฉีด Sinovac 2 เข็ม หรือ Sinopharm 2 เข็ม แนะนำให้ฉีดวัคซีนโมเดอร์นา 1 เข็ม โดยหลังการรับวัคซีนครบ 2 เข็ม ระยะห่างรับเข็ม 3 แนะนำให้เว้นระยะห่าง 1-3 เดือน
- กรณีฉีด Sinovac 1 เข็ม และ AstraZeneca 1 เข็ม (สูตร์ไขว้) ยังถือว่ามีระดับภูมิคุ้มกันอยู่ในระดับที่สูงเพียงพอ และยังอยู่ในระหว่างการศึกษา หากประสงค์รับวัคนทางเลือกกระตุ้นภูมิ โดยหลักการสามารถรับวัคซีนโมเดอร์นาได้ และแนะนำเว้นระยะห่าง 3 – 6 เดือนขึ้นไป
- กรณีฉีด Sinovac 2 เข็ม และได้รับเข็มกระตุ้นด้วย AstraZeneca 1 เข็ม (สูตรไขว้ ยังถือว่ามีระดับภูมิคุ้มกันอยู่ในระดับที่สูงเพียงพอ และยังอยู่ในระหว่างการศึกษา หากประสงค์รับวัคซีนทางเลือกกระตุ้นภูมิ โดยหลักการ สามารถรับวัคซีนโมเดอร์นาได้ ซึ่งการรับวัคซีนเข็ม 4 อาจรอมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป
- กรณีฉีด AstraZeneca 2 เข็ม สามารถเลือกรับวัคซีนโมเดอร์นาเป็นเข็มกระตุ้นภูมิ โดยเว้นระยะห่างประมาณ 6 เดือนขึ้นไป หรือภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์
- กรณีฉีดวัคซีนชนิด mRNA เช่น ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม จากข้อมูลพบว่าระดับภูมิคุ้มกันจะเริ่มลดลงชัดเจนตั้งแต่เดือนที่ 8 เป็นต้นไป ทั้งนี้ในกรณีที่ผู้รับวัคซีนมีปัจจัยเสี่ยงต่ออาการของโรคที่รุนแรง เช่น โรคอ้วน, โรคเบาหวาน, โรคปอด, ผู้ที่มีอาชีพเสี่ยง, ทำงานในโรงพยาบาล หรือสถานที่มีความเสี่ยง แนะนำให้รับวัคซีนวัคซีนโมเดอร์นา โดยเว้นระยะห่างประมาณ 6 เดือนขึ้นไปหรือภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์
เนื่องจากข้อมูลการใช้วัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันเข็มที่ 3 ในปัจจุบันมีการศึกษาในประชากรจำนวนไม่มากและเป็นการศึกษาระยะสั้น รายงานความปลอดภัยเบื้องต้นไม่พบความแตกต่างระหว่างอาการไม่พึงประสงค์จากการรับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 กับอาการไม่พึงประสงค์จากการรับวัคซีนเข็มที่ 2
คำแนะนำในการใช้วัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 จึงพิจารณาจากข้อมูลผลดี-ผลเสียในเบื้องต้นเท่านั้น การยอมรับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 จึงเป็นสิทธิ์ของผู้รับวัคซีน โดยพิจารณาถึงผลดีของการกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลต้า กับอาการไม่พึงประสค์ที่เพิ่มขึ้นจากการรับวัคซีนต่างชนิด ทั้งนี้การเลือกรับวัคซีนควรอยู่ภายใต้คำแนะนำและการดูแลของบุคลากรทางการแพทย์อย่างใกล้ชิด

หมายเหตุ
- แนวทางการรับวัคซีนดังกล่าวเป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้นโดยพิจารณาถึงภูมิคุ้มกันหลังรับวัคนเมื่อเทียบเคียงกับงานวิจัยที่ปรากฏในปัจจุบัน เป็นคนละส่วนกับแนวทางหรือเงื่อนไขการรับวัคซีนแบบครบโดสเพื่อวัตถุประสงค์ในการเดินทางไปยังต่างประเทศ ซึ่งท่านจำเป็นต้องศึกษาเงื่อนไขและข้อกำหนดของแต่ละประเทศนั้นก่อนตัดสินใจเข้ารับวัคน โดยปัจจุบัน WHO รับรองวัคซีน AstraZeneca ที่ผลิตจากบริษัท Siam Bioscience แล้ว
- ถึงแม้วัคซีนสูตรไขว้ในปัจจุบันที่ได้รับการอนุมัติทั้ง SV+AZ หรือ AZ+P2 แต่ถือว่าเป็นสูตรเฉพาะกิจ ซึ่งอาจมีผลข้างเคียงระยะสั้นสูงขึ้นบ้าง แต่โดยรวมยังคงมีความปลอดภัยสูง ทั้งนี้เมื่อมีวัคซีนอย่าง เพียงพอยังคงแนะนำให้กลับไปใช้วัคนสูตรปกติที่มีภูมิคุ้มกัน
เพียงพอในการป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงจากโรคโควิด-19 - โรงพยาบาลฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงข้อแนะนำหรือข้อบ่งชี้ในการฉีดวัคน เมื่อมีข้อมูลหรือหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ หรือข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มเติม
- ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2564 ซึ่งข้อมูลนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามข้อแนะนำหรือข้อบ่งชี้จากองค์การอนามัยโลก (WHO), ภาครัฐ หรือบริษัทผู้ผลิตวัคซีนทั้งในประเทศและ/หรือต่างประเทศ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
Call Center : 055-40-9000 LINE : https://page.line.me/psvuttardit